สถานที่แรกที่ Journey (เจอร์นี่) ได้เดินทางเข้าไปร่วมงานคือ มหกรรม 4 ดีวิถีพอเพียง “เชิดชูคนดี เครือข่ายดี ชุมชนดี ศรีสระแก้ว” ณ บริเวณลานหน้าศาลากลางจังหวัดสระแก้ว โดยมรนายอำเภอจังหวัดสระแก้ว เป็นผู้เปิดงาน โครงการนี้นำพลัง “ บวร ” บ้าน-วัด ศาสนสถาน-โรงเรียน รวมทั้งองค์การประชารัฐมาเป็นพลังในการขับเคลื่อนงานในมิติพื้นที่ต่างๆ เพื่อก่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมในระดับครอบครัวและชุมชน ทั้ง 4 มิติ โดยมีชุมชนเป็นฐานของการพัฒนา ประกอบด้วย มิติด้านคนดี สุขภาพดี รายได้ดี และสิ่งแวดล้อมดี ตามยุทธศาสตร์สระแก้วเมืองแห่งความสุขภายใต้ 4 ดีวิถีพอเพียง (Sa Kaeo Happiness Model ) ก่อให้เกิดความเข้มแข็งแก่คนในชุมชน สังคมเกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป
จากนั้นออกเดินทางสู่ ศูนย์ฝึกอาชีพชุมชนตำบลเขาสามสิบ ( สวนจ่าทูล ) อำเภอเขาฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้ว จ่าสิบเอกไพทูล พ้นธาตุ อดีตข้าราชการทหารที่ปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้วด้วยวัย 69 ปี ผู้ที่เลือกจะทำอาชีพเกษตร โดยการทำเกษตรผสมผสาน และเกษตรอินทรียชีวภาพ โดยจ่าทูลกล่าวว่า “จุดเริ่มต้นนั้นเริ่มจากการที่ตนได้รับการแบ่งที่ดินจากบิดาจำนวน 9 ไร่ 2 งาน ในปี 2545
สืบเนื่องกับที่ตนนั้นได้มีโอกาสไปช่วยงานราชการที่หน่วยพัฒนา มีโอกาสได้ไปศึกษาดูงานทางด้านการเกษตรมามากมาย จนมีความรู้ความชำนาญในเรื่องของการเกษตรเป็นอย่างดี จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ตนนั้นได้น้อมนำหลักความคิดจากโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ (รัชกาลที่ 9) ประกอบกับความรู้ของตนมาปรับใช้และพัฒนาพื้นที่ของตนจาก 9 ไร่ 2 งานในอดีต สู่ 28 ไร่ในปัจจุบัน
และได้เปิดเป็นศูนย์ฝึกอาชีพชุมชนในปี 2555 โดยวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้ของท้องถิ่น แหล่งศึกษาตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง เป็นศูนย์ถ่ายทอดความรู้ทางด้านการเกษตรปลอดสาร และเป็นศูนย์สาธิตด้านพลังงานทดแทน และหนึ่งในหลักสูตรง่ายๆในการให้คนในชุมชนหันมาสนใจ และใช้พลังงานทดแทน คือ การผลิตเตาแก๊สพลังงานชีวมวลแกลบ เพื่อให้ชาวบ้านได้นำไปใช้ประโยชน์ในการหุงต้มในครัวเรือนแทนการใช้แก๊สหุงต้มทั่วไปตามท้องตลาด และยังเป็นการนำวัสดุเหลือใช้ของภาคการเกษตรอย่าง แกลบ ที่หาง่าย ราคาถูก มาใช้ให้เกิดประโยชน์
ซึ่งข้อดีของการใช้เตาแก๊สพลังงานชีวมวลแกลบ คือ ไม่ทำลายมลพิษ ต้นทุนต่ำ และขี้เถ้าที่เหลือก็สามารถนำไปปลูกต้นไม้ได้อีกด้วย โดยเตาแก๊สพลังงานชีวมวลแกลบนี้มีจุดเดือดเร็วกว่าแก๊สหุงต้ม อีกด้วย และอุณหภูมิสูงถึง 98 องศาเซลเซียส นับเป็นพลังงานทางเลือกให้กับชุมชนเป็นอย่างดีเลยทีเดียว สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละอียด หรือสั่งทำได้ในราคาประมาณ 3,000 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ภายในสวนยังมีกิจกรรมด้านพลังงานทดแทนอื่นๆ ที่สามารถไปเรียนรู้ และสามารถนำกลับมาใช้ในชีวิตประจำวัน หรือในครัวเรือนได้อีกมากมาย อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ จักรยานปั่นน้ำ เป็นต้น
และกิจกรรมด้านการเกษตรอื่นๆ ที่หลากหลาย อาทิ การเลี้ยงปลา การเลี้ยงกบ การเลี้ยงไก่งวง การปลูกพืชไม้ผลต่างๆ และอื่นๆอีกมากมาย ภายใต้การสนับสนุนนจากหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ สำหรับผู้ที่สนใจอยากไปศึกษาดูงานทางด้านการเกษตรตามแนวพระราชดำริเศรษฐิจพอเพียง รวมถึง ด้านพลังงานทดแทนอื่นๆ สามารถติดต่อได้ที่ จ่าสิบเอกไพทูล พ้นธาตุ (เกษตรกรต้นแบบ) เบอร์โทรศัพท์ 08-1861-6923
จากนั้นแวะชม สหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น อำเภอวังสมบูรณ์ จังหวัดสระแก้ว ก่อตั้งขึ้นโดยการนำของ นายอำนวย ทงก๊ก ซึ่งดำเนินงานในเรื่อง ศูนย์รับน้ำนมดิบ โรงงานผลิตอาหารสัตว์ โรงสีขาว โรงงานผลิตภัณฑ์นม สถานีบริการน้ำมัน ฟาร์มโคนม โรงงานผลิตภัณฑ์นมผง ครัวโภชนาและร้านกาแฟ โดยในทุกวันๆเกษตรกรในจังหวัดสระแก้วผู้ที่เลี้ยงโคนม ที่แต่ละวันมีปริมาณน้ำนมดิบส่งขายมายังสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น วันละเกือบ 200 ตัน
ที่นี่จึงเป็นแหล่งผลิตน้ำนมที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ น้ำนมสดมีคุณภาพดี พร้อมกันนี้ยังมีโรงงานผลิตนมที่ได้มาตรฐาน ภายใต้แบรนด์“วังน้ำเย็น” และ“คิว-ไลฟ์”รวมถึงนมพาสเจอร์ไรต์ที่ส่งไปจำหน่ายตามโครงการนมโรงเรียนในหลายจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีสินค้าให้เลือกหลากหลายอาทิ นมยูเอชที ที่มีทั้งรสจืด รสหวาน รสช็อกโกแลต หรือจะเป็นนมเปรี้ยวคิว - ไลฟ์ ที่มีรสชาติหอม กลิ่นนมสดแท้ 100% รสชาติ มัน อร่อย มีประโยชน์ต่อร่างกาย และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับนมอีกหลากหลายอาทิ นมอัดเม็ดหลากหลายรสชาติ ไอศกรีม เค้ก และอื่นๆอีกมากมาย
ที่สุดท้ายของวันนี้ที่ Journey (เจอร์นี่) เดินทางไปคือ โครงการศูนย์ต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ ค่ายไพรีระย่อเดช ตำบลท่าเกษม อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว ค่ายทหารที่ได้น้อมนำหลักปรัชญาเสรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริมาใช้ในพื้นที่ภายในค่าย มีการแบ่งพื้นที่การทำการเกษตรออกเป็นส่วนๆ และมีการทำการเกษตรที่หลากหลาย เช่น การทำนา การเพาะเห็ด ด้านปศุสัตว์ เช่น การเลี้ยวหมู การเลี้ยงปลา การเลี้ยงวัว การเลี้ยงกระบือ การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ เป็นต้น โดยอยู่ภายใต้การดูแลของทหารภายในค่ายแห่งนี้
เช้าวันต่อมา Journey (เจอร์นี่) ได้มีโอกาสเดินทางไปสักการะศาลหลักเมือง ของจังหวัดสระแก้ว ที่ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวสระแก้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ (รัชกาลที่ 9) ทรงเจิมยอดเสาหลักเมืองและแผ่นดวงเมืองเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2539 อาคารศาลหลักเมืองตั้งอยู่ภายในปริมณฑลสวนกาญจนาภิเษก มีลักษณะเป็นปรางค์ห้าองค์ที่มีทางเดินเชื่อมถึงกัน โดยเสาหลักเมืองตั้งอยู่ในปรางค์องค์ตรงกลาง เสาหลักเมืองทำจากต้นราชพฤกษ์ ที่มีคุณลักษณ์ถูกต้องตามโบราณราชประเพณี นอกจากจะเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวสระแก้วแล้ว ยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธ์ที่ชาวสระแก้วเคารพบูชา และยังเชื่อว่าหากใครมาขออะไรแล้ว โดยส่วนมากก็จะได้สมปรารถนาดั่งที่ตนขออีกด้วย
จากนั้นเดินทางต่อไปยัง โรงเรียนร่มเกล้า เป็นโรงเรียนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ (รัชกาลที่ 9) ทรงมีพระราชประสงค์ ให้สร้างขึ้นพร้อมกับอ่างเก็บน้ำบ้านคลองทราย พระองค์ท่านได้สละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เป็นจำนวนทั้งสิ้น 300,000 บาท มอบให้กรมชลประทานจัดหางบประมาณเพิ่มเติม และได้เปิดทำการสอนครั้งแรก เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2522 โดยพระองค์ได้เสด็จฯพระราชดำเนินมาโรงเรียนร่มเกล้า ถึง 6 ครั้ง
โดยในครั้งที่ 2 เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ (รัชกาลที่ 9) สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโรงเรียนร่มเกล้าบ้านคลองทราย อำเภอวัฒนานคร พระราชทานของขวัญและอุปกรณ์การเรียน ตลอดจนเครื่องแบบนักเรียนแก่ผู้แทนครู และนักเรียน
ทรงเยี่ยมไทยอาสาป้องกันชาติ ทอดพระเนตรกิจกรรมโครงการฝึกอาชีพกลุ่มอุตสาหกรรมในครัวเรือนและราษฎรในโครงการพัฒนาฯ ตามพระราชดำริ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2523 ปัจจุบันโรงเรียนร่มเกล้าเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยภายในโรงเรียนได้จัดฐานการเรียนรู้ต่างๆให้เด็กๆได้ศึกษามากมาย อาทิ การสาธิตการทำบ้านดิน การผลิตน้ำยาล้างจานจากมะกรูด การปลูกหญ้าแฝก การสร้างฝายจำลอง เป็นต้น
ต่อด้วยเข้าฟังคำบรรยายที่ หน่วยทหารพัฒนา (ทหารเสือ) โครงการพัฒนาพื้นที่ราบเชิงเขาจังหวัดสระแก้ว-ปราจีนบุรี ภายในหน่วยทหารพัฒนานั้นจะเป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ตั้งอยู่ทางซ้ายมือก่อนถึงอ่างเก็บน้ำท่ากะบาก ภายในนั้นจะได้ชมนิทรรศการพระราชประวัติการเสด็จฯเยี่ยมจังหวัดสระแก้วของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ (รัชกาลที่ 9) และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ถึง 7 ครั้ง ได้เสด็จทอดพระเนตรโครงการและติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินงานของโครงการต่างๆเป็นระยะๆ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงยิ่งของประชาชนจังหวัดสระแก้ว-ปราจีนบุรี อย่างหาที่สุดมิได้
ชมสวนไผ่สีสุก นับเป็นสวนไผ่สีสุกแห่งแรก และแห่งเดียวในประเทศไทย ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ (รัชกาลที่ 9) และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงปลูกในโอกาสเสด็จไปยังพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ไผ่สีสุกเป็นไม้มงคลที่คนสมัยก่อนนิยมปลูกไว้บริเวณบ้าน เพราะเชื่อว่าเป็นไผ่ที่นำความผาสุกมาให้ครอบครัว มีอยู่มีกิน ไม่ขาดแคลนข้าวปลาอาหาร
ชมโรงไฟฟ้าพลังน้ำ-สถานีพลังงานแสงอาทิตย์คลองช่องกล่ำ เป็นหนึ่งในโครงการพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ (รัชกาลที่ 9) โดยการนำน้ำจากอ่างเก็บน้ำช่องกล่ำบน ส่งผ่านระบบท่อมาผลิตกระแสไฟเป็นการใช้ประโยชน์ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับพลังงานน้ำเสริมกำลังกันในการผลิตไฟฟ้าให้เพิ่มขึ้น โดยสามารถนำมาใช้ประโยชน์สำหรับเครื่องสีข้าว และไฟฟ้าใน 3 หมู่บ้าน นับเป็นการนำทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่นั้นมาใช้อย่างคุ้มค่า ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชน และยังเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตขิงราษฎรให้ดีขึ้นอีกด้วย
จากนั้นชม สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าช่องกล่ำบน อำเภอวัฒนานคร จัดตั้งขึ้นตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เมื่อปี 2526 เพื่อเป็นสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าหายากใกล้สูญพันธุ์นานาชนิด ทั้งเลี้ยงเพื่อปล่อยคืนสู่ป่าและเลี้ยงเพื่อเศรษฐกิจ ซึ่งบรรยากาศภายในสถานีนั้นร่มรื่น หลากหลายด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ เหมาะสำหรับการมาเที่ยวชม หรือศึกษาดูงานของหน่วยงานต่างๆ อีกด้วย สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าแห่งนี้ประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์นกเงือก นกกรงหัวจุก นกแก๊ก เป็ดก่า ได้สำเร็จอีกด้วย
ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)สำนักงานจังหวัดนครนายก ที่ได้พา Journey (เจอร์นี่) ไปร่วมกิจกรรม ตามรอยพ่อ ที่ได้รับทั้งความรู้ และประโยชน์อย่างมากมายในการดำเนินชีวิต แบบเศรษฐกิจพอเพียง แล้วพบกับทริปดีๆแบบนี้ได้ในทริปหน้านะคะ