พิชิตน้ำตกทีลอซูกับแก๊งชายฉกรรจ์ Featured

  • Thursday, 23 October 2014 23:56
  • Published in Memo
  • Read 4335 times

ทริปนี้เราออกเดินทางกันตอนหัวค่ำ พร้อมกัน ณ จุดนัดหมาย น้องๆบอกเลิกงานก็ตรงมาจุดนัดพบเลย เก็บกระเป๋ารอแต่เช้าแล้ว น่ารักกันจริงๆ >///< ก่อนออกเดินทาง Journey แจกเสบียงเติมพลังให้แก่น้องๆพร้อมน้ำดื่ม จากนั้นก็ออกเดินทางกันแบบยาวๆ โดยใช้เวลาเวลาเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมง หันไปอีกทีน้องๆหลับกันหมด เมื่อกี้ยังเฮฮาปาจิงโกะกันอยู่เลย สงสัยจะเพลียเพราะวันนี้ทำงานกันมาทั้งวัน เราปล่อยน้องๆพักผ่อนแล้วคุยเป็นเพื่อนคุณลุงคนขับดีกว่า คุณลุงจะได้ไม่เหงา ^^

คุยเพลินเลยเช้าแล้วหรอเนี่ย ว้าววว!! สองข้างทางวิวสวยมากๆ หมอกอ่อนๆลมเย็นๆ มันช่างฟินสุดๆ นี่ซินะที่เค้าเรียกถนนลอยฟ้า ว่าแล้วก็ปลุกน้องๆขึ้นมาชมวิวแวะจิบกาแฟยามเช้ากันดีกว่า จากนั้นขับรถไปอีกสักพักเราก็เดินทางมาถึงที่พัก เช้านี้เราเตรียมข้าวต้มร้อนๆหอมกรุ่นไว้ให้น้องๆเติมพลัง ก่อนจะไปเตรียมสัมภาระเพื่อล่องแพ ออกเดินทางสู่น้ำตกที่ลอซู น้ำตกที่สวยติดอันดับโลก และมีความใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของเอเชีย ดูท่าน้องๆจะเตรียมตัวกันพร้อมแล้ว แจกชูชีพแล้วพาน้องๆลงเรือยางกันเลยดีกว่า

ก่อนที่จะถึงเขตรักษาพันธุ์ป่าอุ้มผาง เพื่อไปชมความงามของน้ำตกทีลอซู เราต้องล่องเรือยางมาตามลำน้ำแม่กลอง ผ่านจุดแวะพักบ่อน้ำร้อน ให้น้องๆได้ลองลงไปแช่ออนเซ็นธรรมชาติ จากนั้นก็ออกเดินทางต่อมุ่งหน้าสู่น้ำตก ตลอดเส้นทางที่ล่องเรือ เราจะพบกับทัศนียภาพที่สวยงามและยังคงความเป็นธรรมชาติมากๆ เมื่อล่องมาได้ถึงครึ่งทางเราก็พบกับความสวยงามของน้ำตกทีลอจ่อ ที่ตกลงมาจากหน้าผาสูงลงสู่ลำน้ำแม่กลอง ถัดจากนั้นมาไม่ไกลก็จะผ่านน้ำตกสายรุ้ง หากเดินทางไปในช่วงเวลาที่เหมาะสมก็จะเห็นรุ้งกินน้ำที่เกิดจากแสงที่ตกกระทบกับละลองน้ำของสายน้ำตก ซึ่งในครั้งนี้เรามีโอกาสได้เห็นเป็นรุ้งบางๆสั้นๆ แต่ได้เห็นเท่านี้ก็ถือว่าโชคดีสุดๆแล้วค่ะ ระยะเวลาสำหรับการล่องเรือยางใช้เวลาประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความแรงของกระแสน้ำ นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว ดูท่าน้องๆจะเริ่มหิว เราแวะแจกเสบี่ยงให้กับน้องๆตรงริมฝั่งใกล้ๆกับธารน้ำตกเล็กๆ ทานข้าวท่ามกลางธรรมชาติก็อร่อยไปอีกแบบนะคะ ทานเสร็จแล้วก็ไม่ลืมที่จะเก็บทุกอย่างกลับไปด้วย ต้องช่วยกันรักษาความเป็นธรรมชาติให้คงเดิม  ^^

จากนั้นล่องเรือมาอีกสักพัก ก็มาถึงจุดเดินเท้าไปสู่จุดกลางเต็นท์ที่เราจะพักกันในคืนนี้ ทางเดินช่วงแรกที่เราเดินนั้นก็จะเป็นทางเดินป่า ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร จากนั้นก็จะเข้าสู่ทางลูกรัง ระยะทางอีก 10 กิโลเมตร สภาพเส้นทางมีขึ้นเนินเป็นบางช่วงโดยเฉพาะช่วงแรกๆ จะเป็นการเดินขึ้นเนินเป็นส่วนใหญ่ ส่วนช่วงกลางและท้ายจะเป็นทางลงเนิน งานนี้ต้องขอยอมแพ้น้องๆ เพราะสงสัยหนุ่มๆแก๊งชายฉกรรจ์จะผ่านการฝึกเรียน รด. มาเป็นอย่างดี ออกตัวแรงและเร็วกันมากๆ เดินตามไม่ทันจริงๆ Journey ขอคารวะ เนื่องจากเรามาในช่วงหน้าฝน ทางเดินจึงเต็มไปด้วยโคลน งานนี้ไม่มีห่วงสวยห่วงหล่อ เพราะเลอะไปตามๆกัน อิอิ ^^ หลังจากเดินกันมาแบบมาราธอน ในที่สุดเราก็มาถึงจุดกางเต็นท์ หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นที่เรียบร้อย เพราะแต่ละคนเลอะโคลนกันถ้วนหน้า นับเป็นความสนุกไปอีกแบบของการเดินทางในครั้งนี้ ก็ได้เวลาอาหารมือค่ำ จากนั้นก็ได้เวลาพักผ่อน คืนนี้เป็นอีกคืนที่ฝันดี เพราะได้มากางเต็นท์นอนท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบ ฝันดีราตรีสวัสดิ์ค่ะ

เช้าแล้วหรอเนี่ย รู้สึกยังไม่อยากตื่นนอนเลย ก็อากาศดีน่านอนต่อซะขนาดนี้ แต่ไม่ตื่นไม่ได้เพราะเรามีนัดกับน้ำตกทีลอซู ที่รอให้เราไปชมความงามกันอยู่เบื้องหน้า ก่อนจะถึงตัวน้ำตกก็จะต้องเดินไปตามเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทาง 1.5 กิโลเมตร ระหว่างทางจะผ่านป่าไผ่และป่าเบญจพรรณ มีดอกกระเจียวขึ้นตามพื้นป่าระหว่างทางมีป้ายสื่อความหมายเกี่ยวกับธรรมชาติและพืชพันธุ์ตามจุดต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษา เมื่อใกล้ถึงบริเวณน้ำตก เราก็ได้ยินเสียงน้ำตกดังมาแต่ไกล และเห็นละอองน้ำฟุ้งกระจายไปทั่วโขดหิน ภาพเบื้องหน้าที่ได้เห็น คือธารน้ำตกขนาดใหญ่ไหลลงมาจากผาหินปูนซึ่งอยู่สูงประมาณ 300  เมตร ท่ามกลางป่าครึ้ม ช่างเป็นภาพที่สวยงามจริงๆ ความเหนื่อยจากการเดินทางมาตั้งแต่เมื่อวานหายไปในทันที เพราะภาพที่เห็นตรงหน้าช่างคุ้มค่าและประทับใจจริงๆ แต่ชมอย่างเดียวคงจะไม่ได้แล้ว เพราะ ตอนนี้น้องๆของเราขอตัวไปเก็บภาพความประทับใจ และลงเล่นน้ำ ขอบอกว่าน้ำที่นี่ใสสะอาดและเย็นชื่นใจจริงๆ

เราปล่อยให้น้องๆเล่นน้ำกันจนเต็มอิ่ม ก็ได้เวลาเดินทางกลับ แต่ขากลับน้องๆขอนั่งรถ บอกเราว่าอยากจะสัมผัสอีกหนึ่งประสบการณ์ เพราะขามาเดินมาแล้ว (จริงหรอ อุอิๆ) แต่ข้อเรียกร้องนี้ Journey เห็นด้วยอย่างยิ่ง ใจดีจัดให้ไปเลยจ้า เย้ๆ สำหรับการนั่งรถเป็นอีกหนึ่งบรรยากาศจริงๆ เพราะจะได้สัมผัสกับความตื่นเต้น เนื่องจากทางเป็นโคลน ต้องระวังรถติดหล่ม แต่มั่นใจ ปลอดภัย ไร้กังวล เพราะคนขับเป็นพี่เจ้าหน้าที่มืออาชีพที่ชำนาญทางเป็นอย่างดี จากนั้นก็ล่องแพกลับสู่ที่พัก ก่อนจะเข้าที่พักเราพาน้องๆแวะซื้อของฝากกันที่ร้านบ้านครูซัน ที่นีมีของที่ระลึกต่างๆให้เลือกมากมาย จากนั้นก็พาน้องกลับที่พักเพื่อรับประทานอาหารค่ำ และพักผ่อนตามอัธยาศัย

เช้านี้เราปลุกน้องๆตั้งแต่ตีห้า เพื่อไปชมทะเลหมอกที่ดอยหัวหมด ซึ่งเป็นยอดเขาหัวโล้นที่ปกคลุมด้วยต้นหญ้าและไม้ทนแล้ง เนื่องจากดอยนี้เป็นเขาหัวโล้นจึงไม่มีต้นไม้มาบดบังสายตา จึงทำให้ชมวิวได้รอบทิศทาง จากนั้นไปแวะทานข้าวกลางวันกันที่น้ำตกพาเจริญ และชมความงามของน้ำตก ซึ่งเป็นน้ำตกหินปูนที่สวยงามด้วยชั้นน้ำตกที่ไหลลดหลั่นลงมาเป็นชั้นเล็กชั้นน้อยจำนวนมาก และมีน้ำตลอดปี น้ำตกพาเจริญมีถึง 97 ชั้น ด้วยกัน แต่น่าเสียดายที่วันนี้น้องๆแก๊งชายฉกรรจ์ไม่ได้ขึ้นไปพิชิตให้ครบ 97 ชั้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ปิดทางเดินขึ้น ให้ชมและเล่นน้ำได้แค่บริเวณด้านล่าง เพราะหน้าฝนดินไม่แน่นเดินขึ้นไปจะเป็นอันตรายได้ จากนั้นออกเดินทางสู่ที่สุดท้ายของทริปนี่เพื่อแวะซื้อ แวะชิมขนมและของฝากกันที่ตลาดริมเมย สุดเขตแดนสยาม ร้านที่ Journey แนะนำให้น้องๆไปชิมนั่นก็คือ ไก่ยอ อร่อยรึเปล่าไม่รู้ รู้แต่น้องๆซื้อติดมือกันมาคนละหลายถุง จากนั้นก่อนกลับแวะทานมือค่ำด้วยกันอีกหนึ่งมื้อที่จังหวัดนครสวรรค์ และประมาณห้าทุ่ม เราก็เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

 

            ต้องขอขอบคุณ น้องต้น น้องบัก น้องตู่ น้องบอล น้องคิด น้องโส ที่ไว้วางใจร่วมเดินทางไปกับเราเป็นเวลา 2 คืน 3 วัน สำหรับทริปนี้เป็นอีกหนึ่งความประทับใจ ที่ทีมงาน  Journey ไม่มีวันลืม

 

 

 

                                                                                                                                                                                                                 9 – 11 ส.ค. 57

                                                                                                                                                                                   

Rate this item
(1 Vote)
JT

Hi

Leave a comment

Make sure you enter the (*) required information where indicated. HTML code is not allowed.