จุดหมายปลายทางแรกของเราคือวัดถ้ำเสือ อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อไปนมัสการองค์หลวงพ่อชิน พระพุทธรูปปางประทานพรที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อความเป็นสิริมงคลสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ เราก็เดินทางมาถึงวัดถ้ำเสือ ทางขึ้นวัดถ้ำเสือสามารถเลือกได้ว่าจะเดินหรือนั่งกระเช้า โดยพี่ๆขอขึ้นกระเช้าก่อนแล้วค่อยเดินลง เพราะอยากได้ทั้งสองบรรยากาศ แต่พี่แก้วของเราขอออกกำลังกายเดินขึ้นบันได Journey ไม่ขัดอยู่แล้ว แต่ขอนั่งกระเช้าตามไปเจอด้านบนนะคะ อิอิ ^^ เมื่อเดินขึ้นมาด้านบนก็จะสัมผัสกับลมเย็นๆ และทิวทัศน์ที่สวยงาม หลังจากนมัสการองค์หลวงพ่อชิน Journey ก็นำพี่ๆเดินขึ้นมาด้านบนพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท เพื่อนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ และชมวิวของวัดถ้ำเสือด้านบน สวยงามตระการตาจริงๆค่ะ มาถึงวัดถ้ำเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ เพื่อขอพรและรับน้ำมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล และกราบนมัสการองค์หลวงพ่อชื่น ที่ร่างกายไม่เน่าไม่เปื่อย หลังจากมรณภาพแล้ว
ไหว้พระทำบุญกับเรียบร้อย เราก็เดินทางกันต่อไปที่ สะพานข้ามแม่น้ำแคว สถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี เป็นสะพานที่สำคัญที่สุด ของเส้นทางรถไฟสายมรณะในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่าแล้ว ก็ขอถ่ายภาพหมู่พี่ๆสำนักการโยธาเป็นที่ระลึก 1 2 3 แฉะ!! ใกล้เที่ยงแล้วเราพาพี่ๆไปทานอาหารกลางวันกันดีกว่า ว่าแล้วก็เดินทางไปร้านอาหารเรณูกันเลย
ที่ร้านเรณู Journeyรับรองว่าอาหารอร่อยทุกอย่างโดยเฉพาะผักพื้นบ้านกินคู่กับน้ำพริก อร่อยอย่าบอกใครเชียว หลังจากอิ่มกับอาหารมื้อกลางวัน Journey พาพี่ๆข้ามถนนไปยังน้ำตกไทรโยคน้อย ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับร้านอาหารที่รับประทาน น้ำตกไทรโยคน้อยเป็นน้ำตกที่สวยงามและมีชื่อมายาวนานอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี เป็นน้ำตกแอ่งเล็กๆ แต่สามารถลงเล่นได้ เป็นอีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ หลังจากเดินชมความงามของน้ำตก และถ่ายรูปเล่นกันเป็นที่เรียบร้อย เราก็ออกเดินทางต่อมุ่งหน้าสู่อำเภอสังขละบุรี
ระหว่างทางเข้าอำเภอสังขละ เราจะได้พบกับทิวทัศน์ที่สวยงามของทิวเขา ชมวิวมาเพลินๆ เราก็เดินทางมาถึงด่านเจดีย์สามองค์ ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญของไทย ในสมัยอดีต ปัจจุบันเป็นด่านชายแดนที่ใช้เข้าออกระหว่างประเทศไทยและประเทศพม่า ภายในบริเวณมีสินค้าต่างๆมากมายให้เลือกซื้อ โดยเฉพาะสินค้าที่ทำจากไม้ Journey ขอการันตรีว่าสินค้าที่ทำจากไม้ที่จำหน่ายที่นี่ราคาถูกจริงๆค่ะ เราให้เวลาพี่ๆเดินเลือกซื้อสินค้าดีกว่า
หลังจากที่พี่ๆเลือกซื้อสินค้าเป็นที่เรียบร้อย ได้เวลาเดินทางเข้าสู่ที่พัก คืนนี้เราพักกันที่ พรไพลินรีสอร์ท และรับประทานอาหารมื้อค่ำกันที่ร้านอาหาร แพมิตรสัมพันธ์ รับประทานอาหารบนแพ ท่ามกลางวิวของแม่น้ำสามประสบ และบริเวณที่ทานอาหารยังสามารถมองเห็นสะพานมอญได้อีกด้วย บรรยากาศช่างฟินนนสุดๆ หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ Journey ส่งพี่ๆเข้านอน คืนนี้ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
เช้านี้เราตื่นกันแต่เช้า เพื่อพาพี่ๆไปใส่บาตรสะพานมอญ เช้านี้พี่ๆของเราแต่งตัวเป็นหนุ่มสาวชาวมอญไปใส่บาตร สวยหล่อขนาดนี้ Journeyขอกดชัดเตอร์รัวๆเลยแล้วกัน ^0^ หลังจากใส่บาตรเสร็จก็พาพี่ๆเดินชิมอาหารพื้นเมืองของชาวมอญ และถ่ายรูปบนสะพานมอญซึ่งสร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่สะพานได้ขาดลงไป สวยงามไม่แพ้ของเก่าจริงๆค่ะ จากนั้นก็พาพี่ๆเดินทางกลับที่พักเพื่อไปรับประทานอาหารเช้า และเก็บสัมภาระเตรียมพร้อมลงเรือ เพื่อไปชมความงามของวัดใต้น้ำ
ตอนนี้เรือก็มาจอดรอที่ด้านหลังของโรงแรม เราพาพี่ๆไปลงเรือกันดีกว่า วัดใต้น้ำนั้นก็อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม โดยเรือแล่นไปบนแม่น้ำสามประสบ เหตุที่ชื่อสามประสบ เนื่องจากมีแม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำรันตรี และแม่น้ำบีคลี่ไหลมาบรรจบกัน ใช้เวลาประมาณ 10 นาที เราก็เดินทางมาถึง ซึ่งปกติหากเป็นช่วงน้ำลง เราจะสามารถเดินชมบริเวณวัดได้โดยรอบ แต่วันนี้น้ำขึ้นมาจนถึงฐานของโบสถ์ จึงทำให้สามารถเดินชมได้เพียงบริเวณตัวโบสถ์เก่าเท่านั้น ไม่น่าเชื่อว่าช่วงน้ำขึ้นโบสถ์ที่เรายืนชมอยู่ จะหายจมลงไปในน้ำ สมแล้วที่ได้รับให้เป็น Unseen Thailand
จากนั้นเราก็ขึ้นเรือ เดินทางต่อไปยัง เจดีย์พุทคยา ซึ่งหลวงพ่ออุตมะจำลองมาจากประเทศอินเดีย ริเริ่มสร้างเมือปี พ.ศ. 2521 โดยใช้คนงามชาวมอญชายหญิงในหมูบ้านกว่า 400 คนจากเจดีย์พุทธคยาเราก็ไปต่อกันยังวัดวังก์วิเวการาม (วัดหลวงพ่ออุตตะมะ) เพื่อสักการะหลวงพ่ออุตตมะ ซึ่งประชาชนชาวไทย ชาวมอญ รวมทั้งกระเหรี่ยง และ พม่า ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น เคารพนับถือ
ได้เวลาอันสมควร Journey นำพาพี่ๆออกเดินทางจากตัวเมืองสังขละบุรี เพื่อเดินทางต่อไปยังช่องเขาขาด แต่ก่อนจะไปเราแวะเติมพลังกันที่ร้านชนบท มีคุณลุงเจ้าของร้านใจดีคอยให้การต้อรับ พร้อมรับประทานอาหารในบรรยากาศชิลๆ เติมพลังกันเป็นที่เรียบร้อย ได้เวลเดินทางสู่พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด สถานที่เที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ภายในพิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างทางรถไฟสายมรณะ ในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อให้เราได้ทราบถึงข้อมูล จากนั้นก็พาพี่ๆเดินเท้าสู่เส้นทางสำรวจธรรมชาติ ไปยังบริเวณช่องเขาขาด ที่เป็นพื้นที่จริงที่นักโทษสงครามได้ร่วมกันสร้างเส้นทางแห่งนี้ขึ้นด้วยความยากลำบาก ได้เวลาอันสมควร Journey นำพาพี่ๆเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ ก่อนกลับแวะซื้อของฝากกันที่ร้านแก้ว เป็นที่สุดท้าย
ต้องขอขอบคุณพี่ๆสำนักการโยธา กรุงเทพ ที่ได้ไว้วางใจให้ Journey ได้มีโอกาสรับใช้ นำพาไปท่องเที่ยวที่ สังขละบุรี จ.กาญจนบุรีในครั้งนี้ ขอบคุณค่ะ
15-16 พ.ย. 57