ทริปนี้เราออกเดินทางกันโดย รถไฟใหม่ขบวนด่วนพิเศษ ขบวนที่ 23 “อีสานวัฒนา” มุ่งหน้าสู่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งในประเพณี ตักบาตรบนหลังช้าง โดยในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 - 8 กรกฎาคม 2560 ณ บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง อ.เมือง จ.สุรินทร์ โดยมีพระเถระชั้นผู้ใหญ่นั่งบนหลังช้างออกรับบิณฑบาตแก่นักท่องเที่ยวให้ได้ร่วมใส่บาตรโดยพร้อมเพรียงกัน ซึ่งเป็นการตักบาตรบนหลังช้างที่มีหนึ่งเดียวในโลก
หลังจากที่ได้ทำบุญใส่บาตรแล้ว เราก็เดินทางต่อไปยัง วัดบูรพาราม เพื่อถวายเทียนพรรษา และนมัสการหลวงพ่อพระชีว์ (หลวงพ่อประจี) พระพุทธรูปปางมารวิชัยพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาสูงสุดของชาวจังหวัดสุรินทร์ และกราบไหว้รูปเหมือนหลวงปู่ดูลย์ อตุโล พระสงฆ์ผู้ที่มีความรู้ลึกซึ้งในเรื่องของจิต
จากนั้นเดินทางไปยัง หมู่บ้านทอผ้าไหมท่าสว่าง เพื่อชมสาธิตการทอผ้าไหมยกทองโบราณ ที่มีความประณีตสวยงาม เป็นแหล่งผลิตผ้าไหมยกทองที่มีชื่อเสียงด้านการทอผ้าในระดับประเทศ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักพระราชวัง และมูลนิธิในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ
จากนั้นเราออกเดินทางไปยังจังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างเราแวะกันที่ วัดสระกำแพงใหญ่ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นวัดที่สวยงาม และมีคุณค่าด้านประวัติศาสตร์ ภายในบริเวณวัดมีปราสาทสระกำแพงใหญ่สร้างขึ้นในศาสนาฮินดู และศาสนาพุทธแบบมหายานเพื่อเป็นที่ประดิษฐานเทวรูป จากการขุดแต่บูรณปราสาทแห่งนี้ ของกรมศิลปากร เมื่อ พ.ศ. 2532 ซึ่งยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาก
เช้านี้เรารีบมาจับจองที่กันแต่เช้า เพื่อรอชมความงดงามตระการตาของขบวนแห่เทียนพรรษาที่ขึ้นชื่อของจังหวัดอุบลราชธานี โดยในปีนี้มีขบวนแห่เทียนเข้าร่วมประกวดเป็นจำนวนมากมาย เริ่มด้วยขบวนอันทรงเกียรติ ขบวนเทียนพรรษาพระราชทาน และผ้าอาบน้ำฝนพระราชทาน ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินเทพยวรางกูร และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานแก่จังหวัดอุบลราชธานี ตามด้วยขบวนเทียนถวายอาลัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ รัชกาลที่ 9 และขบวนต้นเทียนทองคำ หนึ่งเดียวในโลก
จากนั้นเดินทางไปชมความงดงามของ น้ำตกแสงจันทร์ หรือน้ำตกลงรู หนึ่งเดียวในเมืองไทย ที่มีความสวยงาม สามารถชมได้ตลอดปี แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะมาเที่ยวน้ำตกแห่งนี้คือ ตั้งแต่ช่วงตุลาคมเป็นต้นไปจนถึงเดือนมกราคม เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่น้ำตกไหลผ่านรูหินสวยงามที่สุด
หลังจากชมความงดงามของน้ำตกแล้ว เราเดินทางต่อไปยัง อุทยานแห่งชาติผาแต้ม เพื่อชมความงดงามของภาพเขียนสีโบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์ อายุราว 3,000 – 4,000 ปี และชมความงดงามของทิวทัศน์ริมแม่น้ำโขง ที่ขั้นกลางระหว่างประเทศไทยและประเทศลาว
จากนั้นเดินทางไปยัง วัดถ้ำคูหาสวรรค์ แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่สำคัญของจังหวัดอุบลราชธานี ภายในวัดสามารถชมทิวทัศน์แม่น้ำโขงและแม่น้ำสองสี วัดก่อตั้งโดย "หลวงปู่คำคนิง จุลมณี" ซึ่งใช้เป็นที่ ปฏิบัติธรรมจำพรรษาปัจจุบันท่านได้มรณภาพแล้ว แต่ร่างกายไม่เน่าเปื่อยบรรดาลูกศิษย์ได้เก็บร่างของท่าน ไว้ในโลงแก้วเพื่อบูชา
จากนั้นเดินทางไปยัง วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว หรือที่นิยมเรียกกันว่า วัดเรืองแสงโดยจำลองสภาพแวดล้อมของวัดป่าหิมพานต์หรือเขาไกรลาศ บริเวณบนยอดเขาจะมองเห็นพระอุโบสถสีปัดทองตั้งเด่นเป็นสง่า จุดเด่นของวัดคือ การได้มาชมภาพเรืองแสงเป็นสีเขียวของของต้นกัลปพฤกษ์ที่เป็นจิตรกรรมที่อยู่บนผนังด้านหลังของอุโบสถในยามค่ำคืน
เช้านี้ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ เราเดินทางมาที่ วัดพระธาตุหนองบัวเพื่อชมสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ คือพระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ครบรอบ 25 ศตวรรษของพุทธศาสนาในปี พ.ศ. 2500 พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์นั้น ได้จำลองแบบมาจากเจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
จากนั้นเดินทางต่อไปยัง วัดหนองป่าพง วัดแห่งนี้มีความสำคัญคือเป็นวัดที่องค์หลวงปู่ชา สุภัทโท ได้ก่อตั้งขึ้น ซึ่งองค์หลวงปู่ชา ท่านได้เพียรสร้างให้เป็นวัดแห่งการปฏิบัติภาวนาอบรมจิตใจ เพื่อการดับทุกข์โดยแท้จริง ตามหลักคำสอนขององค์พระสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า
และต่อด้วยชมความงามของผ้าโบราณ ณ พิพิธภัณฑ์บ้านคำปุณ โดยอาจารย์วารินชำราบ ผู้ผลิตและอนุรักษ์ผ้าพื้นเมืองอุบลราชธานีที่มีชื่อเสียง เปิดบ้านให้ผู้มาเยือนได้ชื่นชมศิลปวัฒนธรรมพื้นเมืองที่บ้านคำปุน ได้สืบสานอนุรักษ์มายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงาม ผ้าโบราณที่สูงค่า กรรมวิธีการผลิต ผ้าทอพื้นเมืองที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของบ้านคำปุนและงานศิลปด้านอื่นๆอีกมากมาย โดยจะเปิดให้เข้าชมเพียงปีละ 2 วัน ช่วงเข้าพรรษาเท่านั้น
ต้องขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) งานประสานตลาดภาคกลาง ที่อำนวยความสะดวกในการเดินทางในทริปนี้“ขับรถเที่ยวใกล้ สุขใจแค่เอื้อม”